แก้ไขข้อผิดพลาดในการสร้างการเชื่อมต่อฐานข้อมูลใน WordPress
หมายเหตุ: บทความนี้อธิบายขั้นตอนการแก้ไขข้อผิดพลาดในการสร้างการเชื่อมต่อฐานข้อมูล หากคุณไม่แน่ใจว่าข้อผิดพลาดใดที่ทำให้เกิดปัญหาบนเว็บไซต์ โปรดอ่านบทความเกี่ยวกับข้อผิดพลาดของ WordPress ที่พบบ่อย พร้อมด้วยวิธีแก้ปัญหาที่แนะนำ
เว็บไซต์ WordPress ของคุณต้องเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง WordPress ใช้สตริงการเชื่อมต่อที่จัดเก็บไว้ในไฟล์ wp-config.php เพื่อพยายามทำการเชื่อมต่อฐานข้อมูล หากไม่สามารถทำการเชื่อมต่อได้ คุณจะเห็นการแจ้งเตือนข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการเชื่อมต่อฐานข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณ วิธีแก้ไขข้อผิดพลาดนี้ซึ่งใช้บ่อยที่สุดก็คือการอัพเดตสตริงการเชื่อมต่อในไฟล์ wp-config.php
หมายเหตุ: การแก้ไขข้อผิดพลาดการสร้างการเชื่อมต่อฐานข้อมูลจะต้องใช้วิธีแก้ปัญหาขั้นสูง ซึ่งประกอบด้วยการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ การขอข้อมูลประจำตัวฐานข้อมูลและคำนำหน้า รวมทั้งการแก้ไขไฟล์ wp-config.php หากต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญของ GoDaddy ช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้คุณ ทีมสนับสนุน WordPress Premium ของเราพร้อมให้บริการ
Managed WordPress
ทำตามขั้นตอนจากบทความนี้ แล้วคัดลอกรายละเอียดลงในโปรแกรมแก้ไขข้อความที่คุณต้องการ ชื่อฐานข้อมูลจะเหมือนกับชื่อผู้ใช้ฐานข้อมูล และคุณควรคัดลอกหมายเลขพอร์ตด้วย
โฮสติ้งสำหรับ Linux พร้อม cPanel
ทำตามขั้นตอนต่างๆ จากบทความนี้เพื่อรับชื่อฐานข้อมูลและชื่อผู้ใช้ใน cPanel ระบบจะไม่แสดงรหัสผ่านเนื่องด้วยเหตุผลด้านการรักษาความปลอดภัย ดังนั้นนี่คือวิธีรีเซ็ตรหัสผ่านของฐานข้อมูล สำหรับชื่อโฮสต์ คุณควรใช้ localhost เสมอ
โฮสติ้งสำหรับ Windows พร้อม Plesk
ทำตามขั้นตอนต่างๆ จากบทความนี้เพื่อรับชื่อฐานข้อมูล ชื่อผู้ใช้ และชื่อโฮสต์ใน Plesk ระบบจะไม่แสดงรหัสผ่านเนื่องด้วยเหตุผลด้านการรักษาความปลอดภัย ดังนั้นนี่คือวิธีรีเซ็ตรหัสผ่านของฐานข้อมูล
- ลงชื่อเข้าใช้ phpMyAdmin
- ใน phpMyAdmin ให้เลือกชื่อฐานข้อมูลที่เว็บไซต์ใช้จากเมนูทางซ้ายมือ
- จดคำนำหน้าฐานข้อมูลไว้ คำนำหน้าฐานข้อมูลจะรวมอยู่กับชื่อตาราง (ตัวอย่าง ถ้าคุณเห็นตารางฐานข้อมูลต่อไปนี้: wp_3f_options, wp_3f_ posts, wp_3f_postmeta ฯลฯ คำนำหน้าฐานข้อมูลของคุณคือ wp_3f_)
- เชื่อมต่อบัญชีโฮสติ้งของคุณกับส่วนจัดการไฟล์
- ค้นหาและเปิดโฟลเดอร์ที่มีเว็บไซต์ WordPress ของคุณ
- ในไฟล์ wp-config.php ให้ค้นหาส่วนที่มีลักษณะคล้ายกับตัวอย่างนี้:
/** The name of the database for WordPress */ define('DB_NAME', 'yourdatabasename'); /** MySQL database username */ define('DB_USER', 'yourusername'); /** MySQL database password */ define('DB_PASSWORD', 'yourpassword'); /** MySQL hostname */ define('DB_HOST', 'yourhostname'); $table_prefix = 'yourtableprefix';
- ตรวจดูว่าข้อมูลในไฟล์นี้ตรงกับรายละเอียดของฐานข้อมูลในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องซึ่งคุณได้รับก่อนหน้านี้หรือไม่
- หากมีข้อมูลใดในไฟล์ wp-config.php ไม่ตรงกับรายละเอียดของฐานข้อมูล ให้อัพเดตไฟล์ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง โปรดแทนที่เฉพาะสตริงภายในอะพอสทรอฟี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงส่วนอื่นๆ อาจก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณ คุณควรแทนที่สิ่งต่อไปในตัวอย่างด้านบน
- แทนที่ yourdatabasename ด้วยชื่อฐานข้อมูล MySQL ที่ถูกต้อง
- แทนที่ yourusername ด้วยชื่อผู้ใช้ MySQL ที่ถูกต้อง
- แทนที่ yourpassword ด้วยรหัสผ่าน MySQL ที่ถูกต้อง
- แทนที่ yourhostname ด้วยชื่อโฮสต์ MySQL ที่ถูกต้อง
- แทนที่ yourtableprefix ด้วยคำนำหน้าตารางที่ถูกต้อง
หมายเหตุ: หากเว็บไซต์ของคุณได้รับการโฮสต์ไว้ใน Managed WordPress แถวที่มีชื่อโฮสต์ควรมีโครงสร้างดังต่อไปนี้:
define('DB_HOST', 'yourhostname:portnumber');
คุณควรแทนที่ yourhostname ด้วยชื่อโฮสต์ MySQL ที่ถูกต้องและแทนที่ portnumber ด้วยหมายเลขพอร์ตที่ถูกต้อง - บันทึกไฟล์ wp-config.php ที่อัพเดต
- ตรวจสอบว่าไซต์ของคุณกลับมาออนไลน์แล้ว โดยไปที่ไซต์ด้วยโหมดการเรียกดูแบบส่วนตัวใน Chrome, Firefox หรือ Edge
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ดูข้อผิดพลาดที่พบบ่อยของ WordPress ที่ WordPress.org
- หากคุณไม่ต้องการแก้ไขข้อผิดพลาดนี้ด้วยตนเอง ทีมสนับสนุนแบบพรีเมียมสำหรับ WordPress ของเราสามารถจัดการแทนได้